บวงสรวง “จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ”

บวงสรวง “จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ”
เจ้าเมืองมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น คนที่ 1

หัสเดิมเริ่มแรกเมื่อปี พ.ศ. 2554 อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับสภาวัฒนธรรมอำเภอมัญจาคีรี และประชาชนชาวอำเภอมัญจาคีรี และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ได้จัดสร้างรูปเหมือนจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเวษ (เจ้าเมืองมัญจาคีรี คนที่ 1 ) ขึ้นประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าเมืองมัญจาคีรี เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2554 โดยจากอดีตกาลจนถึงปัจจุบันชั่วระยะเวลาร้อยกว่าปี ยังไม่เคยมีการก่อสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแด่จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ ในฐานะผู้ร่วมสร้างจังหวัดขอนแก่นและเจ้าเมืองผู้สร้างอำเภอมัญจาคีรีแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงสำนึกแห่งกตัญญูกตเวทิตาและเชิดชูเกียรติแด่เจ้าเมืองมัญจาคีรี และเป็นการเสริมสร้างให้เยาวชนรุ่นหลังได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณผู้สร้างแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง

การนี้ อำเภอมัญจาคีรี เทศบาลตำบลมัญจาคีรี และข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนชาวอำเภอมัญจาคีรี ได้กำหนดจัดงานบวงสรวงเจ้าเมืองมัญจาคีรี จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ เจ้าเมืองมัญจาคีรี คนที่ 1 ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ.2559 ในวันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ณ ศาลเจ้าเมืองมัญจาคีรี ข้างสำนักงานไปรษณีย์ อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นประเพณีสืบปฎิบัติของชาวอำเภอมัญจาคีรีเพื่อแสดงออกถึง ความกตัญญูกตเวทิตาต่อจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ และรองอำมาตย์เอกพระเกษตรวัฒนาผู้สร้างเมืองมัญจาคีรี ดำเนินพิธีการโดยคณะโหรหลวง กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง โดยมีพระนิเทศศาสนคุณ (สมาน สิริปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ เจ้าอาวาสวัดบุญเรืองสุวรรณาราม จังหวัดหนองคาย (รองประธานกรรมการบริหารคณะสงฆ์ธรรมยุตในสหรัฐอเมริกา และประธานมูลนิธิสิริปัญโญ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประธานฝ่ายฆารวาสบวงสรวงเจ้าเมืองมัญจาคีรี….ธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต สส.จ.ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีบวงสรวงเจ้าเมืองมัญจาคีรี จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ (สน)และรองอำมาตย์เอกพระเกษตรวัฒนา(โส) ประจำปี 2559  ณ ศาลเจ้าเมืองมัญจาคีรี อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยมีคะนัง เจริญไชย ปลัดอาวุโส อ.มัญจาคีรี ,ปราโมท กิมรัชต์โชติ นายกเทศมนตรีตำบลมัญจาคีรี ,สมสิน เชื้อวงษ์ นายก อบต.กุดเค้า ,สุพจน์ แสงสุข ,สนั่น สนธิโสมพันธ์ ประธานชมรมผู้สูงอายุ อ.มัญจาคีรีและเครือญาติ ร่วมงาน

กล่าวโดยสรุป เดิมเมืองมัญจาคีรีหรืออำเภอมัญจาคีรีในปัจจุบัน มีชื่อปรากฏอยู่ในทำเนียบมณฑลอุดร ได้กล่าวไว้ว่า ในปีพุทธศักราช 2424 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ยกบ้านภูเม็งขึ้นเป็นเมืองมัญจาคีรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งท้าววรบุตร (สน) เป็นพระเกษตรวัฒนา ขึ้นเป็นเจ้าเมืองมัญจาคีรีเป็นคนแรก

ครั้นต่อมา ได้เกิดศึกฮ่อยกทัพมารุกรานหัวเมืองลาว ลงมาจนถึงชายแดนไทย ทางกรุงเทพมหานครได้แจ้งให้พระเกษตรวัฒนา (สน) ซึ่งเป็นผู้สามารถในการรบมาก่อนจึงได้จัดเตรียมพร้อมนำไพร่พลที่เป็นชายฉกรรจ์ชาวเมืองมัญจาคีรีไปเข้าร่วมสู้รบในสงครามปราบศึกฮ่อ ครั้งที่ 2 ณ ทุ่งเชียงคำหรือทุ่งไหหินในปัจจุบัน ผลการสู้รบปราบศึกฮ่อในครั้งนั้น ปรากฏว่ากองทัพไทยได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาด นับว่าเป็นผลงานความดีความชอบเป็นที่ประจักษ์เด่นชัด ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ให้เป็น “จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ” ซึ่งชั้นยศ “จางวางเอก” ในสมัยตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หมายถึงหัวหน้ามหาดเล็กซึ่งเทียบเท่ากับมหาอำมาตย์เอกในสมัยต่อมา ส่วนบรรดาศักดิ์เจ้าเมืองสมัยนั้น ถ้าเป็นเมืองขนาดเล็กจะเรียกว่า “พระ” แต่ถ้าเป็นเมืองขนาดใหญ่จะเรียกว่า “พระยา” สำหรับกรณีที่พระเกษตรวัฒนา (สน) เจ้าเมืองมัญจาคีรี ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่ได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์เป็น “จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ” จึงนับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดย จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับเมืองมัญจาคีรีสืบมา จนอายุล่วงเข้าสู่วัยชราและถึงแก่อนิจกรรมเมื่อพุทธศักราช 2439

จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ สมรสกับนางสี มีบุตรรวมกัน 2 คน คือ ประเกษตรวัฒนา (โส) และขุนชอุ่ม หลักจากจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษได้ถึงแก่กรรมอนิจกรรม ท้าวโส (บุตรชายคนที่ 1) ซึ่งได้เข้ารับราชการเมื่ออายุ 29 ปี ในตำแหน่งเสมียนกองมหาดไทย จึงได้เดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เพื่อกราบทูลขออนุญาตเป็นเจ้าเมืองมัญจาคีรีสืบต่อจากจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษผู้เป็นบิดา ซึ่งขณะนั้นพระองค์กำลังทอดพระเนตรการชกมวยอยู่ และได้ทอดพระเนตรเห็นท้าวโสซึ่งมีท่าทางทะมัดทะแมงหน่วยก้านดีมีท่าทางเป็นนักมวย จึงตรัสถามว่า “เอ็งเป็นนักมวยหรือ” ท้าวโสก็ก้มกราบบังคมทูลว่า “มวยเคยชกมาแล้วหลายครั้งพะยะค่ะ” พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวลและมีรับสั่งว่า “เอ็งขึ้นห้ามมวยคู่นี้ให้ดูหน่อย” ท้าวโสก้มลงกราบแล้วขึ้นเวทีมวยและห้ามมวยให้พระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร พระเจ้าอยู่หัวทรงพอพระทัย และเมื่อเสร็จสิ้นจากการชกมวยจึงกวักพระหัตถ์เรียกท้าวโสเข้าเฝ้าทันที และเอาพระหัตถ์ลูบหัวท้าวโสและตรัสว่า “เออ…เอ็งเหมาะสมแล้วที่จะเป็นเจ้าเมืองแทนพ่อ”

ดังนั้น จึงสมควรยิ่งแล้วที่นายพิพัฒน์ คันธา นายอำเภอมัญจาคีรี กล่าวว่า เป็นการร่วมกันแสดงออกถึงความสำนึกแห่งกตัญญูกตเวทิตาแด่จางวางเอกพระยาพฤติคุณธนะเชษ ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลสำคัญได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลและเป็นผู้สร้างเมืองมัญจาคีรี จนถึงปัจจุบันเมืองมัญจาคีรีเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานมากว่า 135 ปี